Tuesday, September 12, 2006

รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ MVV

ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการสอบ การขอวีซ่าเอ็มเฟเฟ และอื่น ๆ ที่คุณน้องเจี๊ยบได้ทำไว้ ขออนุญาตเอามาแปะไว้ในนี้นะคะ เพราะจะต้องใช้ประโยชน์ต่อไป ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
http://www.freewebs.com/diersman/index.htm

ข้อมูลจากคุณ Aek ใน http://www.undutchable.freeforumhost.net/index.php?showtopic=60

สวัสดีค่ะ เข้ามาช่วยตอบคำถามของคุณปิงปอง ที่ถามว่าMVV จะอยู่ได้นานแค่ไหน คือ MVV เป็นแค่วีซ่าระยะยาว ที่ใช้เข้าประเทศ

1. เมื่อคุณมาถึงฮอลแลนด์แล้ว จะต้องไปรายงานตัวที่สถานีตำรวจ ณ.เมืองที่คุณอยู่ ภายใน 3 วันที่มาถึง

2. และคุณจะได้รับแบบฟอร์ม เพื่อยื่นเรื่องขอ resident permit โดยนำมากรอกแล้วแนบเอกสารต่างๆ เหมือนตอนที่ขอ MVV

3. หลังจากนั้นก็รอรับจดหมายเพื่อเรียกไปสัมภาษณ์ แล้วก็รอรับจดหมายเพื่อให้ไปรับ ไอดีการ์ด ขอครั้งแรกจะมีอายุ 1 ปี (อยู่ได้ 1ปี ) ครั้งที่ 2 ใช้ได้ 1-5 ปี ขึ้นอยู่กับวันหมดอายุในพาสปอร์ดของคุณ

4. เมื่ออยู่ ครบ 3 ปี ก็สามารถขขอสัญชาติดัชด์ได้ค่ะ ถ้าไม่ต้องการก็ต่ออายุ ไอดีการ์ด ไปเรื่อยๆ ค่ะ

ส่วนเรื่องจดทะเบียนสมรสโดยความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่า ไม่น่าจะมีผลต่อการขอ MVV เพราะพี่ก็ไม่ได้จดเหมือนกันตอนที่ขอMVV (มาจดเอาที่นี่ค่ะ ) ดังนั้นจดหรือไม่จดก็ได้ค่ะ

***************************

อันนี้เป็นอีเมล์ที่เขียนไปหาคุณน้อง "มน" ไปเจอน้องเค้าที่ weddingsquare.com ค่ะ เลยเขียนไปรบกวนขอทราบข้อมูล

เรา : อยากทราบกว่าภายหลังจาก MVV เราได้รับอนุมัติ เราจะต้องเดินทางภายในกี่วันคะ

น้องมน : เข้าใจว่า 90 วันตามอายุ mvv นะคะ
แต่เวลากรอกใบสมัคร เราก็สามารถระบุได้นะ ว่าเราจะเดินทางวันไหน วีซ่าที่ได้ก็จะเป็น effective date วันที่เราระบุค่ะ

***************************

ข้อมูลเกี่ยวกับ MVV แบบ 3 เดือน หรือ 6 เดือน จาก web ของนู๋ลี่
http://undutchable.freeforumhost.net/index.php?showtopic=1461

คุณแก้ว : พี่แก้วเพิ่งเดินทางไปสถานฑูตวันนี้ค่ะ เรื่องไปรับวีซ่า ขั้นตอนการทำงานเหรอ ก่อนเราจะไปก้อทำการนัดเหมือนเดิมค่ะ ก้อเตรียมไปแค่ พาสค่ะ ก้อรอเข้าช่องเหมือนเดิมค่ะ(ขอบอกว่าคิวยาวมากวันนี้) และเจ้าหน้าที่ก้อจะให้เราเลือกว่า เราจะเลือกแบบไหน มี 2 ข้อ คือ แบบ 6 เดือนค่อยออกประเทศหลังจากได้บัตรแล้ว หรือ 3 เดือน (เป็นแบบ มัลติเพิ้ลวีซ่าค่ะ) และให้เราไปซื้อประกันการเดินทางค่ะ จะแบบ 3 เดือน หรือ 6 เดือน พี่แก้ว เลือกแบบ 3 เดือนค่ะ และนัดให้โทรไปถามวันถัดไปว่า วี ออกยัง และให้ไปรับอีกวันค่ะ เผื่อน้องๆ ที่จองตั๋วไว้นะคะ จะได้เตรียมเวลาได้ทัน

Ping Pong : คุณแก้วคะ ที่บอกว่ามีให้เลือก 2 แบบ (6 เดือน กับ 3 เดือน) ก็เลยสงสัยหลายข้อค่ะ1. แบบ 6 เดือนค่อยออกประเทศ หมายความว่า เราจะบินก่อน 6 เดือนไม่ได้เลยใช่ไหมคะ หรือว่ามีระยะเวลาเตรียมตัวจะบินเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ภายใน 6 เดือน 2. ส่วนประกันการเดินทางจะต้องสอดคล้องกับประเภท 3 เดือน หรือ 6 เดือนที่เราเลือกหรือเปล่าคะ3. mvv ที่ได้เป็นแบบ multiple แสดงว่าเราก็กลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทยได้น่ะสิ ใช่ไหมคะรบกวนคุณแก้วไขข้อข้องใจกับเพื่อนตาดำ ๆ ด้วยค่ะ

นู๋ลี่ ตอบ : เห็นมีคนถามกันจังเลย พี่เลยถามคนที่เขาเพิ่งมาถึงให้แล้วนะคะ
แบบหกเดือน คือแบบปกติธรรมดาของเอ็มวีวี สมัยที่พี่ลี่ทำมาค่ะ คือไปไหนในเชงเก้นได้ แต่กลับไปไทย ในช่วงหกเดือนที่มาอยู่นี้ไม่ได้ (ทำไมกลับไม่ได้ )เพราะว่ายังไม่ได้บัตร resident permit น่ะค่ะ ถ้ากลับไปแล้ว เอ็มวีวีจะขาดเลย ไม่ต้องทำประกันสุขภาพมาค่ะ มาถึงที่นี่แล้วให้สามีไปแจ้งชื่อเรา และหมายเลข CRV ขอทำประกันสุขภาพเอา
แบบสามเดือน เป็นวีซ่าท่องเที่ยวแบบมัลติเพิ่ลค่ะ ถ้าทะเลาะกะแฟนขึ้นมา อยากหนีกลับไทยไปสักอาทิตย์ก็ได้ คงต้องซื้อประกันภัยมานะคะ พี่เห็นคนที่มาแบบสามเดือนก็ถือประกันมาทุกคนเลยค่ะ แบบนี้เห็นว่าแพง (คงกะค่าประกันนะคะ) เอ็มเฟเฟนั้นมีอายุแค่ไม่เกินหกเดือน หรือจนกระทั่งเราได้บัตร verblijfsvergunning แล้วเท่านั้นค่ะ
ถ้าใครคิดว่าหกเดือนคงไม่กลับไปไทย ก็เลือกแบบแรกมาเลยค่ะ แบบที่สองนั้นวุ่นวายกว่าเพราะถ้าทางอำเภอทำบัตรเรสซิเดนท์เพอร์มิตหรือเฟอร์ไบล๊ย์เฟอคึนนิ่งให้เราช้า เราก็จะต้องถ่อสังขาร เอาพาสปอร์ตไทยของเราไปติดสติกเกอร์เพื่อต่ออายุเอ็มเฟเฟ ให้ใครๆ เห็นว่า เราไม่ได้อยู่อย่างผิดกฏหมาย อันนี้ถ้าบ้านใกล้ทีทำการก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าบ้านไกล ต้องขับรถยนต์มาสี่ชม. ก็น่ารำคาญเป็นที่สุดค่ะ

***************************

website about Visa

http://www.mfa.nl/ban-en/consular_affairs_and/visa_application#50562

http://www.mfa.nl/ban-en/item_16717#58095

http://www.mfa.go.th/web/804.php

http://visadutch.blogspot.com/

http://www.weddingsquare.com/forum/forum_posts.asp?TID=20354&KW=mvv

http://www.visamct.com/translation.htm

http://www.ind.nl/en/algemeen/brochures/Formulieren/index.asp

http://www.expatica.com/actual/article.asp?subchannel_id=7&story_id=1677

NO..1

Wednesday, September 06, 2006

Start 7 ... ไปรับวีซ่าและ Passport คืน

วันนี้เราจะไปรับ วีซ่าและ Passport คืนแล้วนะคะ เอกสารที่ต้องเตรียมไป (บอกไปแล้วใน Step 5) ทวนอีกรอบคือ
1. ใบรับระบุหมายเลขคำร้องวีซ่า (ฉบับจริงเท่านั้น)
2. ตั๋วเครื่องบิน ระบุวันที่เดินทางไป-กลับ ไม่เกินจำนวนวันที่ได้รับอนุมัติ (ตัวจริง + สำเนา)
3. กรมธรรม์ประกันการเดินทาง (ตัวจริง + สำเนา)
เอกสารสำเนา...ทางสถานทูตจะเก็บไว้ค่ะ

วันพุธที่ 1 มีนาคม 2006 ไปถึงสถานทูตแต่เช้าเลยค่ะ ยังไม่ 8.00 น. เลย ....ก็เหมือนเดิมค่ะ แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า “มารับวีซ่า” และให้ รปภ. ตรวจกระเป๋าก่อน แล้วก็ไปนั่งรอที่ม้าหินยาวด้านใน มีคนมารอ 4-5 คน ใกล้ ๆ 8 โมง ก้อเห็นน้องคนสวยมาเตรียมตัวทำงาน พอ 8.00 น. เค้าก้อเรียกคนที่มายื่นคำร้องขอวีซ่าให้มารับบัตรคิว ส่วนคนที่มารับวีซ่าให้รอตอน 8.30 น.
(แหม...ขอบ่นนิ้ดเหอะ... บางคนนะมาทีหลัง แต่ไปนั่งใกล้ๆ เคาน์เตอร์ กะว่าชั้นมาทีหลังแต่จะรีบไปให้ถึงก่อนคนอื่น ไม่มองดูคนอื่นเลยว่าใครมาก่อนหลัง นิสัยแย่จัง..นะคะ)

เวลา 8.30 น. เค้าก้อให้คนมารับวีซ่าเข้าไปข้างใน รอเจ้าหน้าที่เรียกว่าไปที่ช่องไหน วันนี้ได้เจอเจ้าหน้าที่ใจดีค่ะ อยู่ช่องแรกด้านซ้ายสุด คงจะเป็นคนเดียวกับที่รับโทรศัพท์เราที่โทรมานัดวันยื่นคำร้องฯ หน้าตาใจดีจริง ๆ ค่ะ ยิ้มแย้มด้วย เราก็ยื่นเอกสารที่เตรียมไปให้เจ้าหน้าที่ เค้าก้อถามเรื่อง “e-ticket ว่าทางบริษัทได้แนะนำอะไรบ้าง” เลยบอกไปว่า “เค้าให้ยื่นเอกสารตัวนี้ที่เคาน์เตอร์ตอน check in ได้เลยค่ะ เหมือนตั๋วปกติ” (ณ วันนั้น e-ticket เพิ่มเริ่มใช้ค่ะ หลาย ๆ คนยังไม่ทราบว่าจะใช้อย่างไร) แล้วเค้าก้อหันหา passport ให้สักพัก พอได้รับ....ก้อเดินตัวปลิวเลยค่ะ... เฮ้ออออ...โล่ง

อ้อ....ให้เตรียมสำเนาเอกสารชุดที่เรายื่นคำร้องฯ ให้กับสถานทูตติดตัวไปด้วยนะคะ เผื่อ immigration ที่โน่นเค้าขอดู

...ทีนี้ก้อเหลือแต่เตรียมตัวแพ็คกระเป๋าเดินทาง...แล้วล่ะค่ะ

Tuesday, September 05, 2006

Step 6 ... ตื่นเต้นจัง..รอฟังผล

หลังจากยื่นเอกสารต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็รอฟังผลค่ะ ว่าเค้าจะอนุมัติวีซ่าให้เราไปหาคุณแฟนคนไกลของเราหรือเปล่า
วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ ตอนบ่าย.....เราก็โทรไปขอทราบผลการอนุมัติค่ะ เหมือนเคย ... พยายามกดโทรศัพท์หน่อยนะคะ เพราะสายจะไม่ค่อยว่าง

พอเจ้าหน้าที่รับ.... ก็แจ้งว่าจะขอทราบผลการขอวีซ่าค่ะ ให้บอกหมายเลขคำร้อง (Application Number) ตามใบที่เค้าให้มาเมื่อวันโน้นน่ะค่ะ หลังจากนั้นก็...ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ... รอสักพัก จะมีเสียงมาบอกว่า... “วีซ่าอนุมัติแล้วค่ะ” ... กรี๊ดดดดด...เสียงข้างในมันร้องเองน่ะค่ะ ดีใจที่ผ่าน

แล้วเค้าก็บอกว่าให้เรามาติดต่อรับ “วีซ่าและpassport” คืนได้ตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไป เวลา 8.30-9.00 น.
หลังจากนั้น....เราก็โทรไปหาบริษัททัวร์ให้ออกตั๋วเครื่องบิน และกรมธรรม์ประกันการเดินทาง
โดยตั๋วเครื่องบินที่ได้ เราได้เป็น e-ticket ค่ะ ... ไม่ต้องตกใจ เพราะปัจจุบันสายการบินต่าง ๆ ใช้ระบบนี้กันแล้ว

รำพึงรำพัน ... ในความคิดเห็นของเรา สาเหตุที่ทำให้เราไม่มีปัญหายุ่งยากเรื่องเอกสาร เพราะเราเตรียมเอกสารครบถ้วนตามที่สถานทูตต้องการ และเตรียมเอกสารบางอย่างที่สถานทูตไม่ได้ระบุไว้ แต่คิดว่าเค้าน่าจะต้องขอดู ซึ่งข้อมูลที่ได้มาจากประสบการณ์ของเพื่อน ๆ จาก website ที่เราเคยเอ่ยถึงมาแล้ว รวมทั้งจากการที่เรามีสถานภาพการทำงานที่มั่นคง (รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่) น่ะค่ะ
ส่วนของคุณแฟน...เอกสารครบถ้วน และมีหน้าที่การงานและที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ที่สำคัญ...มีรายได้พอที่จะดูแลเราได้

Step 5 ... ไปสถานทูตกันเถอะค่ะ

โทรนัดแล้ว ....เอกสารก้อพร้อมแล้ว ... ตัวเรายิ่งกว่าพร้อมอีก งั้น....รออะไรอยู่ล่ะคะ ไปสถานทูตกันเลยค่ะ Let Go…!!!!

แนะนำเรื่องการเดินทางนิดนึงค่ะ นั่งรถแท๊กซี่ถึงสถานทูตเลย หรือรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีชิดลม แล้วต่อมอเตอร์ไซค์หน้าปากซอยต้นสน เข้าไปยังสถานทูต ราคา (วันนั้น) 7 บาทค่ะ ... จะสะดวกที่สุด เพราะสถานทูตไม่มีที่จอดรถให้ หรือจะเอาไปจอดที่เซ็นทรัลชิดลม แล้วนั่งมอเตอร์ไซค์เข้าไปก็ได้ค่ะ
พอไปถึง...เจ้าหน้าที่หรือ รปภ.ที่อยู่หน้าประตูจะถามว่าเรามาทำอะไร ถ้ายื่นคำร้องฯ ได้นัดไว้หรือยัง ให้ตอบไปเลยค่ะว่า “นัดไว้แล้ว” เค้าจะขอตรวจกระเป๋าถือของเรา ซึ่งเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยของเค้านะคะ ให้เค้าดูไปเถอะค่ะ...เพราะเราไม่มีของผิดกฎหมายอะไร เสร็จแล้วเดินเข้าไปด้านใน จะเห็นตัวอาคาร ให้ติดต่อที่เคาน์เตอร์กระจกที่มีเจ้าหน้าที่น่ารัก ๆ นั่งอยู่ก่อนเป็นอันดับแรก

ขอบอกว่าน้องคนนี้น่ารักจริง ๆ ค่ะ หน้าไม่ยิ้ม...แต่ไม่ดุ และมีความอดทนสูงมากทีเดียว เราไปมา 3 ครั้ง ไม่เคยเห็นเค้าโมโหใส่ใครเลย การทำงานตรงนี้ต้องเจอกับผู้คนมากมายหลายประเภท (ร้อยพ่อพันแม่.....ว่างั้นเถอะ) บางคนเตรียมตัวมาดี...ก็ดีไป บางคนสิคะ ไม่ได้นัดล่วงหน้า เอกสารไม่พร้อม แต่ก็ยังดันทุรังจะเข้าไปยื่นให้ได้ น้องเค้าก็พยายามอธิบายให้เข้าใจ

วกกลับมาต่อนะคะ... ให้แจ้งเค้าไปว่ามายื่นคำร้องขอวีซ่า นัดไว้แล้ว น้องเค้าจะขอ passport เราก็ส่งให้พร้อมเอกสารที่เตรียมมาให้เค้าค่ะ เค้าจะเอาไปตรวจสอบว่าเรานัดไว้จริงหรือเปล่า และจะตรวจความเรียบร้อยของเอกสารเรา ถ้าไม่เรียบร้อย...เค้าจะให้เราไปจัดการมาใหม่ ถ้าสามารถทำได้เลย เช่น รูปถ่าย เค้าก็จะให้เราไปถ่ายใหม่ มีร้านใกล้ ๆ สถานทูตค่ะ ราคาไม่ทราบ แล้วกลับมายื่นใหม่ได้เลย ตรวจเอกสารเรียบร้อยแล้ว เค้าจะให้บัตรคิวเรามาค่ะ
ให้เดินเข้าไปนั่งรอข้างใน...รอชั้นแรกก่อนนะคะ แล้วคุณ รปภ. จะบอกให้ว่าคิวไหนจะได้เข้าไปนั่งรอชั้นใน เข้าไปแล้วจะมีโต๊ะสูง ๆ ไว้กรอกเอกสาร ให้เราติดรูปถ่ายที่มุมบนซ้าย-ขวาของคำร้องฯ ค่ะ เค้าจะมีกาวเอาไว้ให้ เสร็จแล้วหาที่นั่งรอค่ะ ถ้าข้างในเต็ม....มานั่งรอที่เก้าอี้หินยาว ๆ ด้านนอกก่อนก็ได้ค่ะ หลังจากนั้น...ก็ถึงเวลาแห่งการรอค่ะ แนะนำให้เอาหนังสือไปอ่านระหว่างรอนะคะ จะได้ไม่เบื่อ หรือไม่ก็ไปนั่งฟังคนอื่นเค้าคุยกัน หรือจะไปนั่งคุยกับคนอื่นก็ได้ค่ะ ... ถ้าเค้าอยากคุยด้วยอ่ะนะ

คิวไม่เยอะค่ะ... แต่รอนาน วันนั้นเราได้คิวที่ 12 ตอนนั้นเค้าเรียกคิวที่ 6 ยื่นเอกสารอยู่ รออยู่ประมาณชั่วโมงกว่าๆ โดนเรียกเข้าไปตอน 11 โมงกว่า หลังจากรอด่านแรกแล้ว คิวเราจะยังไม่เรียกตรงบอร์ดนะคะ แต่พอใกล้ถึงคิว รปภ. จะเรียกให้ไปรอด้านในอีกครั้งค่ะ หลังจากนั้นให้ดูว่าหมายเลขเราเรียกให้ไปช่องไหนก็ไปช่องนั้นค่ะ
ระหว่างรอก้อสังเกต (แอบสอดรู้สอดเห็น) เรื่องของชาวบ้านไปด้วย ว่าใครเค้าทำอะไรกันบ้าง จะได้เตรียมตัวตอบคำถามถูก
คนก่อนหน้าเรา... เจ้าหน้าที่ “ไปหาใคร” หญิงสาว “ไปหาเพื่อนค่ะ”
เจ้าหน้าที่ “เพื่อนหญิงหรือชาย” หญิงสาว “เพื่อนชายค่ะ”
เจ้าหน้าที่ “เพื่อนชายของคุณมีความหมายแค่ไหน” หญิงสาว...อึ้งนิดนึง..แล้วตอบว่า ”สนิทเป็นพิเศษค่ะ”

แหม... เจ้าหน้าที่ที่รับคำร้องฯ เนี่ย หน้าตาดุ๊..ดุนะคะ แล้วคำพูดคำจาก็เชือดเฉือนเหลือเกิน แต่ก้อเข้าใจนะคะว่าเค้าต้องเจอคนหลากหลายประเภท บางคนก็ไปแบบมีเจตนาไม่ดี ทำให้คนที่ตั้งใจไปด้วยเจตนาดี... โดนร่างแหไปด้วย เค้าเลยต้องเข้มงวดไว้ก่อน วันที่เราไป..ก็เจอคนที่ตั้งใจไปด้วยเจตนาไม่ดีเหมือนกันค่ะ แต่ธุระ..ไม่ใช่ เราเลยไม่สนใจ (นิสัยแย่นะคะแบบเนี้ย..)

พอถึงคิว....เราก้อยื่นเอกสารทั้งหมดที่เตรียมไป (รายละเอียดใน Step 3) เจ้าหน้าที่เค้าก็ตรวจ แล้วก้อถามไปด้วย
เจ้าหน้าที่ “ไปหาใคร” เรา “ไปเยี่ยมแฟนค่ะ” เจ้าหน้าที่ชะงักเล็กน้อย
เจ้าหน้าที่ “รู้จักกันได้อย่างไร” เรา “ทางอินเตอร์เน็ตค่ะ”
เจ้าหน้าที่พยักหน้า... คงเจอเคสแบบนี้เยอะ
เราก็เลยบอกเค้าว่าเราบอกรายละเอียดไว้ใน Invitation Letter แล้ว ..
เจ้าหน้าที่ “เคยเจอกันหรือเปล่า” เรา “เคยค่ะ” (ซึ่งเค้าสามารถเช็คได้จาก passport ของผู้ชายค่ะ)
เจ้าหน้าที่ “คุณทำงานที่ไหน” เรา “(บอกชื่อบริษัท-สถานที่)”
อ้อ.....พอดีใน passport เรามีวีซ่าที่เคยไปเยอรมัน เชค และออสเตรีย เค้าก้อถามว่าเรา “ไปเยอรมันทำไม” เราก้อตอบไปว่า ไปดูงานตอนที่เรียนปริญญาโท หลังจากนั้น...เค้าก็ตรวจเอกสารว่าครบถ้วนและถูกต้องตามที่เค้าต้องการหรือไม่ แล้วเค้าก้อคืนเอกสารบางอย่างมาให้ แหะ..แหะ เตรียมไปเกินค่ะ ก้อกลัวเค้าจะขอเพิ่มนี่นา ….กลายเป็นว่าของคนอื่นเค้าขอเพิ่ม แต่ของเรา..เค้าส่งคืน
บางคน...เจ้าหน้าที่เค้าอาจจะขอเอกสารเพิ่มนะคะ สามารถส่ง Fax มาได้ หรืออาจให้มายื่นวันรับวีซ่า (ถ้าอนุมัติ)

เพิ่มเติมอีกนิดค่ะ...ว่า เวลาคุยกับเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องกลัวค่ะ เค้าอาจจะดูดุจริง แต่เพื่อเช็คว่าเราบริสุทธิ์ใจในการเดินทางแค่ไหน เพราะเค้าคงเจอเหตุการณ์ไม่ดีมาหลายเคส แต่ไม่อยากให้..กร่าง..ค่ะ ควรจะเคารพเค้าในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ด้วย เห็นบางคนที่ไปยื่น รู้ทั้งรู้ว่าเอกสารตัวเองไม่พร้อม ก้อยังจะดันทุรังไป แล้วเถียงเค้าอีกว่า.. ก้อรู้ว่ายื่นแล้วไม่ผ่าน แต่อยากจะยื่น เออ..เนอะ คนเรา เสียเงินเล่นซะงั้น

เสร็จแล้วเค้าก้อจะให้ “ใบรับวีซ่า” โดยในเอกสารจะระบุว่า หากท่านได้รับอนุมัติวีซ่า เอกสารที่ต้องนำมาเพื่อรับวีซ่าคือ
1. ใบรับระบุหมายเลขคำร้อง (ตัวจริง)
2. ตั๋วเครื่องบินระบุวันที่เดินทางไป/กลับ (ตัวจริง + สำเนา)
3. กรมธรรม์ประกันการเดินทาง (ตัวจริง + สำเนา) การซื้อกรมธรรม์ ให้ดูรายละเอียดจากใบแนบนะคะว่ามีบริษัทใดบ้างที่สถานทูตยอมรับ

ที่สำคัญ .... อย่าเพิ่งซื้อตั๋วเครื่องบิน ก่อนโทรสอบถามผลการขอวีซ่านะคะ เค้าให้เราโทรถามได้ตั้งแต่วันศุกร์เป็นต้นไปค่ะ
สอบถามผลวีซ่าที่ 0-2309-5240 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00 – 16.00 น.

Monday, September 04, 2006

Step 4 ... โทรนัดหมายวันยื่นคำร้องฯ

เอกสารพร้อมแล้ว ... ตัวเราพร้อมหรือยังคะ ถ้าพร้อมแล้ว ... โทรหาสถานทูตกันเถอะค่ะ เราต้องนัดหมายวันเพื่อยื่นคำร้องฯ ก่อนไปหาเค้านะคะ ไม่งั้นเค้าไม่ให้ยื่นจริง ๆ นะเออ..

ตามประกาศของสถานทูตเนเธอร์แลนด์ “เจ้าหน้าที่จะรับคำร้องขอวีซ่าของผู้ที่ทำการนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น” โดยติดต่อที่ Visa Call Center โทร.0-2309-5240 ระหว่างเวลา 12.00 – 16.00 น.

ถ้าคุณโชคดี...โทรครั้งเดียวติดค่ะ เพราะปกติสายจะไม่ค่อยว่าง ให้ขยันโทรนะคะ พอโทรติดแล้ว..ไม่ต้องตกใจกับเสียงที่ได้ยินค่ะ เป็นเสียงเครื่องตอบรับอัตโนมัติ เค้าจะพูดภาษาเนเธอร์แลนด์ค่ะ ให้รอสักแป๊บ..เจ้าหน้าที่จะรับสาย ให้แจ้งไปว่า จะขอนัดวันเพื่อยื่นคำร้องขอวีซ่าค่ะ อ้อ...ให้เรากำหนดวันที่เราสะดวกไว้ก่อนนะคะ เพราะเค้าให้เราเลือกวันและเวลาเอง

ของเรานี่..โทรไปก็ตกใจกับเจ้าเครื่องตอบรับก่อน 1 ยกแรก เพราะคิดว่าเป็นเสียงเจ้าหน้าที่จริง ๆ พอเจ้าหน้าที่รับสาย .. เราคิดว่าเค้าจะเลือกวันให้เรา เลยต้องเสียเวลาหาวันสะดวกจากปฏิทิน แต่เจ้าหน้าที่ที่รับสายเราวันนั้น..ใจเย็นจริง ๆ ค่ะ เค้ารอเรา ไม่มาเร่งรัดเลยว่าให้รีบเลือก แล้วเราก็ได้เจอพี่เค้าวันที่ไปรับ passport คืนหลังวีซ่าได้รับอนุมัติ ... เป็นคนใจเย็นและใจดีเหมือนน้ำเสียงที่ได้ยินครั้งแรกเลยค่ะ

เรานัดวันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา 10.00 น. แหม...หลังวันวาเลนไทน์ 1 วัน เพราะอารมณ์หลังจากวันนั้นของทุกคนยังคงสดใสอยู่ แต่แนะนำให้นัดเวลา 9.00 น. จะดีกว่าค่ะ เพราะยังไงเราก็ต้องไปนั่งรอคิววันนั้นอยู่ดี

อย่าลืม...ถามเจ้าหน้าที่เรื่อง “ค่าธรรมเนียม” ที่ต้องชำระด้วย ....ถ้าเค้าลืมบอกนะคะ

Step 3 ... เตรียมเอกสารกันดีกว่าค่ะ

ข้อมูลจาก website ของสถานทูตเนเธอร์แลนด์ http://www.mfa.nl/ban-en/item_16717#58095
และเพิ่มเติมจากประสบการณ์ของเราเอง

เอกสารของผู้ยื่นคำร้อง (ตัวเราเองค่ะ)

1. แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า ที่กรอกอย่างสมบูรณ์และลงลายมือชื่อผู้ขอวีซ่า

2. รูปถ่าย ขนาด 2 นิ้ว 2รูป ขอเล่าเคสที่เราไปเจอมานะคะ มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งเธอใช้รูปนักศึกษา ทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าไม่สามารถใช้ได้ เพราะสถานะเค้าไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้ว จบมาหลายเดือนแล้ว น้องเค้าก็เถียง (ขอใช้คำว่าเถียง) เพราะอาการเป็นแบบนั้นจริง ๆ ว่าเค้าเพิ่งไปถ่ายมาเพื่อสมัครงาน ก็เลยเอามาใช้ต่อ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมค่ะ เลยต้องไปถ่ายใหม่ หรือบางคนใช้รูปถ่ายแค่ 1 นิ้ว หรือเล็กกว่าขนาดที่กำหนด ก็ต้องไปถ่ายใหม่เช่นกันค่ะ เตรียมไปให้ถูกต้องตามที่เค้ากำหนดดีกว่าค่ะ อย่าคิดว่า..ไม่เป็นไร อ้อนเค้าหน่อย เค้าคงยอม มันเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของเค้าค่ะ เค้าไม่ยอมหรอก และเราต้องมาเสียเวลาอีกด้วย

3. หนังสือรับรองการทำงาน แนะนำให้ใช้ภาษาอังกฤษค่ะ โดยให้ระบุ ชื่อ-นามสกุล ตำแหน่ง แผนก/ฝ่าย วันที่เริ่มทำงาน รายได้ต่อเดือน

4. หนังสือยินยอมจากบริษัท/นายจ้างว่าอนุญาตให้ลางานได้ เราใช้หนังสือขออนุมัติเดินทางไปต่างประเทศ + ใบลาพักผ่อนค่ะ

5. หลักฐานทางการเงิน ที่เราใช้ยื่นประกอบได้แก่
5.1 สำเนาสมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (เงินฝาก ณ วันที่ update มีประมาณ 30,000 บาทเองค่ะ) ฉะนั้นคนที่กังวลว่ามีเงินในบัญชีไม่มาก แล้ววีซ่าจะไม่ผ่านนั้น ไม่ต้องกังวล เพราะเค้าจะดูปัจจัยอื่น ๆ ด้วย
5.2 Statement ย้อนหลัง 6 เดือน อันนี้ไปขอได้ที่ธนาคารที่เราเปิดบัญชีไว้ค่ะ คิดค่าธรรมเนียมแผ่นละ 10 บาท (ถ้าจำไม่ผิด) 1 แผ่น / 1 เดือน
นอกจาก 2 ข้อข้างต้นแล้ว เรายังมีหลักฐานอื่นเพื่อแสดงความมั่งคั่ง เอ๊ยย.....ความมั่นคงทางการเงินค่ะ ว่าเรายังมีเงินฝากที่อื่นอีก แสดงให้เค้าเห็นว่าเราไปเนี่ยยังไงก็ต้องกลับ เพราะงกเงินที่เก็บไว้
5.3 ใบรับรองสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) และ
5.4 หนังสือรับรองจากสหกรณ์ออมทรัพย์ว่าเรามีเงินฝากเป็นหุ้น (monthly share) อยู่ที่นี่ด้วย
5.5 แล้วเราก้อเตรียม “สลิปเงินเดือน” 3 เดือนย้อนหลัง ติดไปด้วย

แต่คุณเจ้าหน้าที่เอาไปแค่รายการที่ 1 , 3 , 4 และ 5 ค่ะ ส่วน statement เค้าส่งคืน

6. หนังสือยืนยันการสำรองตั๋ว รายละเอียดใน step 1 ค่ะ

7. หนังสือยืนยันการจองโรงแรม เราพักบ้านคุณแฟน เพราะฉะนั้นไม่ต้องใช้ค่ะ แต่จะมีระบุใน invitation letter ว่าเราจะไปพักที่ไหน

8. หนังสือเดินทาง (passport) ใช้ตัวจริงนะคะ และต้องมีอายุมากกว่า 6 เดือน หรือมีอายุอย่างน้อย 3 เดือนนับจากวันที่เดินทางกลับถึงประเทศไทย

9. ค่าธรรมเนียมการยื่นคำร้องฯ วันที่เรายื่น 1,660 บาท เท่าที่ทราบปัจจุบันได้ปรับเพิ่มแล้ว ให้สอบถามจากเจ้าหน้าที่ตอนที่เราโทรไปนัดวันยื่นคำร้องฯ ที่สำคัญ... เตรียมเงินให้พอดีกับที่เค้ากำหนดไว้เลยนะคะ มี 10 บาท ก้อให้ใส่ไป 10 บาท อย่าไปเผื่อว่าให้ 20 บาทแล้วกัน เดี๋ยวเค้าคงจะทอนให้ ทอนค่ะ..แต่อาจแถมค้อนให้วงใหญ่ ของเรานี่..ใส่ซองเตรียมไว้ให้เลยค่ะ ไม่ต้องไปควักกระเป๋าตังค์แถวนั้น

ทีนี้มาดู เอกสารของคุณแฟน กันบ้างนะคะ

1. สำเนาหนังสือเดินทาง คุณแฟนส่งมาให้ตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย หน้าเปล่า ๆ ก็ส่งมาด้วย เผื่อเค้าใช้ค่ะ แต่สถานทูตพิจารณาแค่หน้าที่มีรูปถ่ายและหน้าที่มีแสตมป์วีซ่าว่าเคยมาเมืองไทย มากี่ครั้ง กี่หน้า ก้อสำเนามาให้หมดนะคะ เพราะสถานทูตเค้าจะดูด้วยว่าเราสองคนเคยพบตัวจริง (meet in person) กันมาก่อนหรือเปล่า
เพื่อความชัวร์ คุณแฟนยังส่งสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาใบขับขี่มาด้วยค่ะ ..แต่ไม่ได้ใช้หรอก

2. หลักฐานรายได้ คุณแฟนเราทำงานบริษัท เลยใช้สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน

3. หนังสือค้ำประกัน คุณแฟนไปติดต่อขอที่ที่ว่าการอำเภอที่คุณแฟนอยู่ในเนเธอร์แลนด์ค่ะ ค่าธรรมเนียมประมาณ 10.40 ยูโร โดยในหนังสือนี้จะระบุว่าคุณแฟนจะเป็นคนรับรองเรา (ระบุชื่อเราและวันเดือนปีเกิดของเรา) ในเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดระหว่างการเดินทาง ที่พัก และรับรองว่าเราจะเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อครบกำหนด

4. จดหมายเชิญ (Invitation Letter) เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเรากับคุณแฟน จดหมายเชิญตัวนี้แหละค่ะที่สำคัญ เราสามารถเขียนอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างกระจ่างชัด เพราะเราจะตื่นเต้นจนตอบได้ไม่ละเอียด เวลาโดนเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ แหม...บางครั้งเนี่ยเหมือนโดนเข้าเครื่องจับเท็จเลย เพราะเค้าจะซักจริง ๆ ค่ะ ซักซะจนไม่ต้องใช้ไฮเตอร์เพื่อเพิ่มความขาวเลย

ในจดหมายให้เราพรรณนาไปเลยค่ะว่าคุณแฟนเป็นใคร เราเป็นใคร ชื่อ-นามสกุล , วันเดือนปีเกิด , ที่อยู่ , การทำงาน , รู้จักกันได้อย่างไร เรากับแฟนรู้จักกันทางอินเตอร์เน็ต ก็บอกไปเลย อย่าไปโกหกเลยค่ะ เพราะเวลาโดนเค้าซักหนัก ๆ เข้า เราจะหลุดเอง, เรากับแฟนเคยเจอกันมากี่ครั้ง เมื่อไหร่ , มีการติดต่อกันอย่างไร เราบอกไปเลยว่าทั้งโทรศัพท์บ้าน มือถือ อินเตอร์เน็ต จดหมาย เตรียมเอกสารประกอบไปด้วยค่ะ พวกบิลค่าโทรศัพท์บ้าน บิลค่ามือถือไม่มีเพราะใช้ระบบ prepaid จดหมายและการ์ดที่เค้าส่งมา รูปถ่ายที่ถ่ายคู่กัน แต่เจ้าหน้าที่ไม่เอาค่ะ....ส่งคืน

ให้ระบุจุดประสงค์ว่าคุณแฟนต้องการเชิญเราไปเยี่ยมเค้าและครอบครัวของเค้าในเนเธอร์แลนด์ พ่อแม่พี่น้องเค้าก็ต้องการพบเรา โดยคุณแฟนจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมด รวมถึงค่าใช้จ่ายระหว่างที่เราพำนักอยู่ที่นั่นด้วย และ guarantee ว่าเราจะเดินทางกลับเมืองไทยตามเวลาที่กำหนด ให้คุณแฟนใส่เบอร์โทรศัพท์ติดต่อได้ทั้งเบอร์บ้าน มือถือ รวมทั้ง email address ด้วยนะคะ

เขียนมาถึงตรงนี้แล้วนึกขึ้นได้ ขอนินทาคุณแฟนสักนิดเถอะค่ะ ให้เค้าเขียน invitation letter พ่อเจ้าประคุณ คุณแฟนแสนรักเขียนมากระจึ๋งเดียว 4 บรรทัดจบ ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรเค้าเลยที่จะทำให้เค้าเชื่อว่าเราเป็นแฟนกัน แล้วยังมาเถียงเราอีกนะว่า แค่เนี้ยแหละ..ใช้ได้ เราเลยวีนซะ...ถ้าเขียนแค่นี้นะ ไม่ต้องไปถึงสถานทูตให้เสียเวลาหรอก ชั้นบอกผลให้เลยก็ได้ว่า..ไม่ผ่านแน่นอน เดือดร้อน อิชั้นต้องมานั่งเขียนให้เองอีก แล้วภาษาก้อเก่งเหลือประมาณ gammong gamma ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล้ยยย ใช้เวลาเขียนตั้งแต่ย่ำค่ำ จนเกือบย่ำรุ่ง หลังจากนั้น..อยากจะไปย่ำคนต่อ

เมื่อเตรียมเอกสารทั้งของตัวเราและของคุณแฟนเรียบร้อยแล้ว ให้ทำสำเนาไว้อีก 1 ชุดค่ะ เผื่อสถานทูตขอสำเนาเพิ่ม (ถ้าไม่ขอ ก้อไม่เป็นไร เราจะได้เก็บเอาไว้เอง) แล้วนำมาจัดเรียงลำดับให้ดีนะคะ แยกเป็นของเรา และของคุณแฟน เวลาเจ้าหน้าที่ตรวจจะได้สะดวกค่ะ แล้วก็ไม่ต้องเย็บกระดาษไปนะคะ เช่น statement มี 6 แผ่น ก็ไม่ต้องเย็บรวมเป็นชุด เพราะเจ้าหน้าที่เค้าต้องแกะแม๊กซ์ออก จะได้ไม่เสียเวลาทั้งเราและเค้าค่ะ

Sunday, September 03, 2006

Step 2 ... มากรอกแบบคำร้องขอวีซ่ากัน

Step 2 .... มากรอกแบบคำร้องขอวีซ่า (Visa Application) กันเถอะค่ะ
เราสามารถดาวน์โหลด "แบบคำร้องขอวีซ่า" Visa Application ได้จากที่นี่ค่ะ http://www.mfa.nl/contents/pages/10987/visumformengels2.pdf

โดย print ออกมาเพื่อทำการกรอกข้อมูลได้เลยค่ะ
ตัวอย่างการกรอกวีซ่า ดูจากภาพประกอบนะคะ (นำมาจากวีซ่าที่เราได้ยื่นไปเมื่อครั้งที่แล้วค่ะ)

(ภาพประกอบ)

ส่วนอันนี้จะเป็นแบบฟอร์มที่เป็นตัวอย่างภาษาไทย ไปเจอมา เลยเอามาไว้ดูประกอบกับตัวภาษาอังกฤษ



(ภาพประกอบ)

Step 1 ... วางแผนการเดินทาง

เริ่มแรก.. เราต้อง "วางแผนการเดินทาง" ก่อนนะคะว่าจะเดินทางไปเมื่อไหร่ กำหนดวันไป-กลับให้แน่นอน
เราตั้งใจว่าจะไปช่วงที่เมืองไทยมีวันหยุดหลายวัน ดูปฏิทินแล้วเดือนเมษายนนี่แหละ หยุดเยอะดี
แต่ถ้าเดินทางช่วงสงกรานต์เลย คนก้อจะเยอะ กลัวไม่มีตั๋วเครื่องบิน เลยเลื่อนขึ้นเร็วหน่อย ไปปลายเดือนมีนาคม แล้วกลับเอาช่วงสงกรานต์พอดี
เลยได้เดินทาง 24 มีนาคม - 15 เมษายน 2006 รวมแล้วเราไปประมาณ 21 วัน กลับมาถึงเมืองไทยวันเสาร์ จะได้มีเวลาพักผ่อนก่อนไปตะลุยงานต่อ

พอกำหนดวันเดินทางเสร็จแล้ว ก้อโทรเช็คเรื่องตั๋วเครื่องบินว่าช่วงเวลาที่เรากำหนดไว้ สายการบินเค้าจะมีที่นั่งให้เรามั้ยน้า
ถ้าไม่มีที่นั่ง จะยืนไปเหมือนขึ้นรถเมล์เมืองไทยได้หรือเปล่า (แต่เราไม่ได้นั่งรถเมล์นานมาแล้ว นั่งครั้งสุดท้ายค่ารถเมล์ 3.50 บาท)

พี่โกะ (พี่สาวที่น่ารัก) ได้แนะนำบริษัททัวร์มาให้ 2-3 แห่ง โทรไปที่แรก เจ้าหน้าที่ที่เราติดต่อไม่อยู่ เค้าให้เราโทรไปใหม่ เราฝากเบอร์ไว้ เค้าก้อไม่ติดต่อกลับ เลยโทรหาคุณสุดา แห่ง Milestone 0-2990-7681-3 โทรไปครั้งแรกไม่อยู่เหมือนกันค่ะ แต่เค้าโทรกลับมาหาเรา แล้วเค้าบริการได้ประทับใจค่ะ กระตือรือร้นที่จะให้บริการ ราคาจะปรับเพิ่มเนื่องจากราคาน้ำมัน เค้าก้อโทรแจ้งเราก่อน ถ้าเราไม่พอใจราคานี้ เค้ายินดีให้เราไปซื้อตั๋วที่อื่นได้ แต่เราก้อไม่ได้โทรเช็คราคากับที่อื่นเลย เอาที่นี่ทีเดียวแหละ คุยไปคุยมาถึงได้รู้ว่าบริษัทอยู่ใกล้ที่ทำงานเราอีกต่างหาก ราคาตั๋ว 33,500 บาท สายการบิน EVA Direct Flight ไม่ต้องไปต่อที่ไหน บินประมาณ 11-12 ชั่วโมง แค่สองงีบก้อถึงแล้ว
เรื่องบริษัททัวร์นี่ก็สำคัญนะคะ เคยอ่านเจอคนที่มีปัญหาเรื่องตั๋วเครื่องบินหลายคนเหมือนกัน เอาไว้จะไปหามาให้อ่านเป็นประสบการณ์

หลังจากโทรจองตั๋วเครื่องบินแล้ว ทางบริษัทจะส่ง "ใบจองตั๋วเครื่องบิน" มาให้ทาง e-mail เราสามารถ print ออกมาไว้ใช้ประกอบการยื่นขอวีซ่า และยังไม่ต้องออกตั๋วจนกว่าจะทราบผลว่าวีซ่าได้รับการอนุมัติแล้วนะคะ

อ้อ...แล้วอย่าลืมให้บริษัททัวร์เช็คราคา “กรมธรรม์ประกันการเดินทาง” ที่มีวงเงินคุ้มครองในส่วนของค่ารักษาพยาบาลอย่างต่ำ 1,500,000 บาท หรือ 30,000 ยูโร ไว้ด้วยนะคะ เพราะเราต้องใช้เมื่อวีซ่าอนุมัติแล้ว ราคาจะขึ้นอยู่กับจำนวนวันที่เราเดินทางค่ะ การทำประกันการเดินทางนี่สำคัญ เพราะเวลาเราเกิดเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาในระหว่างการเดินทางหรือระหว่างพำนักอยู่ที่เนเธอร์แลนด์ เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลที่โน่นจะแพง ประกันจะช่วยเราได้มาก

Thursday, August 31, 2006

how to apply Netherlands Visa

อาจเป็นเพราะ..โชคชะตา..ที่ทำให้เราสองคนได้พบกัน

i wrote this blog for some information ...How to Apply Netherlands Visa
maybe it'll be useful for somebody.. and for remind me in the future

คุยกับคุณแฟนไว้ว่าเราจะมาทำ blog เกี่ยวกับการยื่นขอวีซ่าเนเธอร์แลนด์ เพราะกว่าจะยื่นขอจนสำเร็จในครั้งแรก ซึ่งเป็นเพียงแค่วีซ่าท่องเที่ยว (Tourist Visa) เราก็แทบจะล้มเลิกความตั้งใจเอาหลายครั้งเหมือนกัน ทำไมมันดูวุ่นวายจัง เราจะต้องเตรียมอะไรบ้างเนี่ย เอกสารเค้าต้องใช้อะไร ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน เริ่มแล้วจะไปตรงไหนต่อ กว่าจะหาข้อมูลได้..แทบแย่
ข้อมูลที่ได้จากมาก้อไม่สมบูรณ์ 100% บางข้อมูลบอกเอกสารแค่นี้ใช้ได้ บางข้อมูลบอกต้องใช้เอกสารอันนั้นประกอบด้วย เอกสารโน้นก็จำเป็น
เลยตั้งใจว่าจะเขียนประสบการณ์ในการยื่นวีซ่าท่องเที่ยวเนเธอร์แลนด์ (Tourist Visa) เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่น ๆ บ้าง

ข้อมูลที่ได้รวบรวมมาจาก website ต่าง ๆ ดังนี้ค่ะ

สถานทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย
http://www.mfa.nl/ban-en/consular_affairs_and/visa_application#50562

เว็บไซด์จากน้อง smiley
http://www.undutchable.freeforumhost.net/index.php?s=c2e7b5d70c8ea62aeb78b537ed89d2a8&act=idx

http://www.thai-dutch.net/riandutch/wo01.php


สะใภ้อินเตอร์จาก weddingsquare
http://www.weddingsquare.com/forum/forum_topics.asp?FID=38&PN=0


โต๊ะไกลบ้าน จาก Pantip
http://www.pantip.com/cafe/klaibann/


และอื่น ๆ อีกมากมาย เท่าที่นึกออกตอนนี้มีเท่านี้ค่ะ

ที่สำคัญ...อย่าลืม !!! โทรนัดวันและเวลากับสถานทูตก่อนจะไปยื่นนะคะ ไม่งั้นจะไปแล้วเสียเวลาเปล่า
เค้าจะให้เรากลับไปนอนตีพุงเล่นที่บ้านก่อน แล้วให้โทรนัดจึงจะไปยื่นใหม่ได้